[เรื่องสั้น] ความรักสีรุ้ง

ผมเป็นลูกคนโตของครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ยายเคยเล่าให้ฟังว่าคุณทวดของผมพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ผมคุ้นเคยกับประเพณีจีนอย่างดี ทั้งวันตรุษจีน เชงเม้ง การไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งผมก็เคยชินกับมันและไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาแต่ประการใด กระทั่งผมเรียนจบมัธยมและเข้าสู่รั้วมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตามประสาคนไกลบ้านแหละครับ ผมก็ทำกิจกรรม เข้าชมรมให้หายคิดถึงบ้าน และชมรมที่ผมเลือกเข้าคือชมรมอาสาพัฒนาชุมชน เพราะรู้สึกว่าได้ออกไปท่องเที่ยวบ่อย แถมได้สร้างประโยชน์ให้ท้องที่แห่งนั้นด้วย

เนื่องจากสายงาน ทำให้ผมมีคอนเนคชั่นค่อนข้างเยอะ และมีรุ่นพี่ในสายงานเดียวกันส่งงานมาให้ช่วย นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้พบกับ ต้า เธอทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง และเป็นเจ้าหน้าที่คนกลางที่มาดีลงานกับผมเรื่องทำคลิปโปรโมทหลังสอบมิดเทอมเสร็จ ทางชมรมก็นัดหมายกันไปทำกิจกรรมบริจาคของให้โรงเรียนในท้องถิ่นไกลปืนเที่ยงในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อย่าง เซ้นส์ ผู้ชายที่หอบขนมไปไหนมาด้วยทุกที่ เป็นเหมือนเสบียงของชมรมเลยก็ว่าได้ เรามีโอกาสคุยกันและรู้ว่ามาจากจังหวัดเดียวกันแต่คนละอำเภอ ผมจึงสนิทใจกับเซ้นส์เป็นพิเศษ อีกอย่างผมเป็นคนหิวบ่อย ชอบกินจุกจิก การมีเซ้นส์อยู่ใกล้ๆ จึงถือเป็นผลดี

เมื่อทำงานชิ้นแรกผ่านไป ปรากฎว่าบริษัทพึงพอใจผลงานของผมจึงจ้างทำคลิปต่อไปอีก และแน่นอนว่าคนที่เป็นธุระให้ก็คือต้า คราวนี้ผมไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านเลยไป เริ่มทำความรู้จักกับเธอแบบเป็นกิจลักษณะ ขอไลน์ส่วนตัว เราคุยกันบ่การทำกิจกรรมที่โรงเรียนสามวันสองคืนผ่านไปด้วยดี ทุกคนดูเอ็นจอยกัน โดยเฉพาะเด็กปี 1 อย่างพวกผม เพราะการมีกิจกรรมช่วยให้อาการคิดถึงบ้านลดน้อยลง และหลังกลับมาจากค่ายอาสาพัฒนาชุมชนครั้งนี้ผมก็สนิทกับเซ้นส์มากขึ้นจนถึงขั้นพาไปทำความรู้จักกับป๊าและม้า ซึ่งพวกท่านก็เอ็นดูเพื่อนผมคนนี้เป็นอย่างดี ที่มหาลัยผมกับเซ้นส์ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แม้จะเรียนคนละคณะ แต่ช่วงพักกลางวันเราจะนัดเจอกันที่โรงอาหาร วันหยุดก็ออกเที่ยวตามห้างด้วยกัน นานวันเข้า ผมก็ยอมรับว่ามีความรู้สึกแปลกๆ กับเซ้นส์

📍 ผมเริ่มถูกเพื่อนถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับเซ้นส์ และคราวนี้ผมตอบได้ไม่เต็มปากว่าเห็นเขาเป็นแค่เพื่อน แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกัน เซ้นส์ไม่ได้มีอาการตุ้งติ้ง ไม่ได้แต่งตัวผิดจากผู้ชายทั่วไป เวลาคุยกันก็ขึ้นมึงกูตามประสาเพื่อนผู้ชาย แต่ในสายตาผม กลับมองเห็นรอยยิ้มของเซ้นส์ว่าน่ารัก ผมตัดสินใจเก็บความรู้สึกนี้ไว้จนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างเดินกลับหอพัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก เซ้นส์ก็เอ่ยปากบอกชอบผม ผมไม่รู้เลยว่าควรรู้สึกยังไง ดีใจ ตกใจ หรือกังวลใจ ผมไม่อาจให้คำตอบเซ้นส์ได้ ซึ่งเซ้นส์ก็บอกว่าจะรอ

📍 อย่างที่เกริ่นไว้ว่าผมเป็นลูกคนจีน ที่บ้านผมรับไม่ได้แน่นอนกับความสัมพันธ์แบบนี้ แม้สังคมจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่กับทุกครอบครัว ผมตัดสินใจหลบหน้าเซ้นส์ รักษาระยะห่าง และสิ่งที่ผมเห็นคือความเศร้าจากเพื่อนสนิทของผม บอกได้เลยว่าผมแทบทนไม่ได้ ผมตัดสินใจหนีจารีตประเพณีเป็นครั้งแรกด้วยการบอกความรู้สึกตรงๆ กับเซ้นส์ว่าผมก็ชอบเขาเช่นกัน เราสองคนจึงกลายเป็นคนรักกัน แต่ก็ต้องคบกันแบบหลบซ่อน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในวันหยุดเราก็จะไปออกเดตด้วยกัน

จนวันหนึ่งผมไปเที่ยวคาเฟ่กับเซ้นส์ ถ่ายรูปเช็กอินกันตามประสาคนรัก ปรากฎว่าเพื่อนของป๊ามาเจอและนำเรื่องนี้ไปบอกป๊า ป๊าจึงเรียกผมไปคุยและถามตรงๆ เรื่องผมกับเซ้นส์ เพื่อรักษาความรักและสมดุลของทั้งสองฝ่าย ผมตัดสินใจโกหกครอบครัวว่าเซ้นส์เป็นแค่เพื่อนสนิทจริงๆ เนื่องจากผมไม่ค่อยโกหกที่บ้าน พวกเขาจึงพร้อมใจกันเชื่อ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ

ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังคบกับเซ้นส์ แต่คบแบบไม่รู้จุดหมายปลายทาง วันหนึ่งหากป๊ากับม้าอยากให้ผมแต่งงาน ผมควรจะทำยังไง ผมอยากย้ายออกไปอยู่กับเซ้นส์เหมือนคนรักทั่วไป ตอนเห็นข่าวเรื่อง LGBTQ ถูกผลักดันขึ้นมา ผมมีความหวังขึ้นมาก หวังว่าความรักของผมจะสมหวัง หวังว่าวันหนึ่ง ผมจะไม่ต้องโกหกที่บ้าน และสามารถจูงมือคนที่ผมรักได้อย่างเต็มภาคภูมิ และนี่แหละครับ คือเรื่องราวความรักของผม


— จบบริบูรณ์ —

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x